วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2550

เรื่องเล่าจากศรีลังกา ตอนที่1

เริ่มต้นเดินทาง
คุณเคยแปลกใจไหม ถ้ามีคนรอบข้างต่างสนใจ และให้ความสนใจตัวคุณว่า กำลังทำอะไร คุณจะไปไหน วันนี้ผมรู้ว่าคนรอบข้างก็สนใจและห่วงใยผม วันทั้งวันมีแต่คำอวยพร และการสอบถามว่า
“วันนี้เดินทางกี่โมง พระเจ้าอวยพรนะ”
“ค่าใช้จ่ายพอไหม มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”
“ขอให้เป็นพรนะ เราจะอธิษฐานเผื่อ”
มันช่างเป็นสิ่งที่น่าประทับใจจริงนะครับ ที่มีคนเป็นห่วงและเห็นคุณค่า ความจริงถ้าไม่มีพระเจ้าผมคงไม่มีวันที่จะก้าวเข้ามา ณ จุดนี้ได้หรอกครับ พระเจ้าของผมดีจริงๆครับ หลายคนเป็นห่วงสุขภาพของผม หายาสามัญต่างๆ แพ็คใส่กล่องให้ผม เพื่อนบางคนกลัวผมกินอาหารบ้านเขาไม่ได้ เตรียมน้ำพริกตาแดง น้ำพริกนรกไว้ให้ด้วย (ผมจะเอาไปให้คนที่โน่นทานนะครับ)
ครั้งแรกที่ผมเดินทางใกล้ขนาดนี้ผมคงนั่งรถราว 4-5 ชม. บางคนอาจจะบอกว่าผมเคยเดินทางไกลหว่านี้อีก ไม่ต้องตื่นเต้นแต่สำหรับผมครั้งแรกครับ ถึงสนามบินผมก็ชะเง้อดูว่า สุวรรณภูมิสวยอย่างโฆษณาหรือไม่
อือ....อลังการดีจริงๆครับ เหนือจรดใต้คนที่รู้จักผมก็จะโทรมาอวยพรการไปศรีลังกาของผม ประเทศซึ่งยังคงมีสงครามกลางเมืองกันอยู่ พวกเขาเหล่านั้นถามผมว่า “ถ้าตัวไม่ได้กลับ ให้เอาชื่อกลับมานะ” ผมบอกเขา “ผมต้องกลับมาทั้งตัวและชื่อของผมแน่นอน” เพราะหัวใจของผมคือประเทศไทย
ผมนั่งรอไปเรื่อยๆ ก็รู้อยู่ว่าผมไม่เคยมา จะให้เดินไป เดินมา เดี๋ยวก็หลงหรอก ผมขอนั่งเฉยๆดีกว่า จะเข้าห้องน้ำ ต้องขอชมว่าห้องน้ำเขาไฮเทคน่าดู ผมเดินเข้า ไปทำธุระ ตรงหน้าผมปรากฎเป็นจอโทรทัศน์ฉายโฆษณา สินค้า ร้านอาหารที่มีชื่อเสียง และชุดอาหารที่ชื่อว่า Tate Café น่าทานมากครับ (ที่นี่ดีนะ เข้าท่าดีที มาโฆษณาอาหาร ในห้องน้ำ) แต่เมื่อดูราคาแล้วก็ถึงกับกลั้นเสียง อือ.....เอาไว้
ไม่อยู่จนคนข้างๆคงนึกสงสัยว่าคนนีเขาอือ..อะไรของเขาคนเดียวและก็รีบหันหลังให้ผมทันที และอีกอย่างนะครับ ห้องน้ำนี้มีรูปผู้หญิงสวยๆ มาอยู่ตรงหน้าแล้วก็ทำท่าแอบดูเราที่กำลังทำธุระอยู่ โธ่..ใครจะกล้าครับ ถึงจะเป็นแค่รูปก็เถอะ

ไม่มีความคิดเห็น: